นโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล
22 January 2022

นโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล

     ตามที่พระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 (“พ.ร.บ. คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล”) จะมีผล บังคับใช้อย่างสมบูรณ์ในวันที่ 1 มิถุนายน พ.ศ. 2565 ซึ่งธนาคารแห่งประเทศไทย ได้เห็นถึงความสำคัญ ของการกำหนดแนวทางในการดำเนินงานการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลในกลุ่มของ บริษัทบริหารสินทรัพย์ เพื่อให้เป็นไปตาม พ.ร.บ. คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล  บริษัทบริหารสินทรัพย์ แคปปิตอลชัวร์ จำกัด จึงได้กำหนดนโยบายการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล เพื่อใช้เป็นแนวทางในการปฏิบัติงานดังนี้

1.วัตถุประสงค์และเหตุผลของนโยบาย

     เนื่องจากการประกอบธุรกิจบริหารสินทรัพย์ ต้องมีความเกี่ยวข้องกับการ ให้บริการแก่บุคคลที่เป็นลูกค้า/ลูกหนี้ทั้งปัจจุบันและในอนาคต พนักงานของบริษัท และบุคคลอื่นที่ติดต่อกับบริษัท ซึ่งจะถือเป็นเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล ดังนั้นบริษัทจึงเป็นผู้ควบคุมและผู้รับผิดชอบข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าว นโยบายฉบับนี้จะได้ชี้แจงถึงการประมวลผล วิธีการเก็บรวบรวม วัตถุประสงค์ในการใช้ข้อมูลส่วนบุคคล วิธีการเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล วิธีการเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลอย่างปลอดภัยและมั่นคง สิทธิตามกฎหมายและวิธีการใช้ของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล บริษัทอาจทบทวน แก้ไข นโยบายฉบับนี้ เป็นครั้งคราวให้สอดคล้องกับพระราชบัญญัติและหรือกฎหมาย ข้อบังคับ ประกาศของหน่วยงานราชการที่ออกมาใหม่ หากมีการแก้ไขเปลี่ยนแปลงนโยบายฉบับนี้ บริษัทจะเผยแพร่ในเว็บไซต์ของบริษัทโดยเร็วที่สุด เพื่อให้ครบถ้วนถูกต้องสอดคล้องกับหลักเกณฑ์ใหม่ที่ออกมา

2.นิยาม

บริษัท”  หมายถึง บริษัทบริหารสินทรัพย์แคปปิตอลชัวร์ จำกัด

พ.ร.บ.” หมายถึง พระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 และที่แก้ไขเพิ่มเติม

ข้อมูลส่วนบุคคล” หมายถึง ข้อมูลเกี่ยวกับบุคคลซึ่งทำให้สามารถระบุตัวบุคคลนั้นได้ ไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อม แต่ไม่รวมถึงข้อมูลของผู้ถึงแก่กรรมโดยเฉพาะ 

เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล” หมายถึง บุคคลใดๆ ที่ข้อมูลใดๆทำให้สามารถระบุตัวตนนั้นได้ ไม่ ว่าทางตรงหรือทางอ้อม และบุคคลนั้นยังมีชีวิตอยู่

นโยบาย” หมายถึง นโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ฉบับนี้


3.แนวปฏิบัติเกี่ยวกับการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล
3.1 ข้อมูลส่วนบุคคลประเภทใดที่บริษัท เก็บรวบรวม ใช้ และ/หรือเปิดเผย
ข้อมูลส่วนบุคคลตามกฎหมาย หมายถึง ข้อมูลเกี่ยวกับบุคคลธรรมดาที่สามารถระบุตัวตนลูกค้ารายนั้นได้ไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อม แต่ไม่รวมถึงข้อมูลของผู้ถึงแก่กรรม และไม่ว่าลูกค้าได้ให้ไว้หรือมีอยู่กับบริษัท หรือที่บริษัทได้รับหรือเข้าถึงได้จากแหล่งอื่น ทั้งนี้ ข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้าที่บริษัทเก็บรวบรวม ใช้ และ/หรือเปิดเผยตามประกาศมีทั้งข้อมูลส่วนบุคคลทั่วไปและข้อมูลอ่อนไหว
ข้อมูลส่วนบุคคลทั่วไป ได้แก่
  1. ข้อมูลแสดงตัวตนของลูกค้า (Identification Information) เช่น ชื่อ-นามสกุล เลขบัตรประจำตัวประชาชน เลขหนังสือเดินทาง วัน/เดือน/ปีเกิด ที่อยู่ อีเมล เบอร์โทรศัพท์ ไอดีไลน์ เป็นต้น
  2. ข้อมูลการทำธุรกรรมของลูกค้ากับบริษัท เช่น ข้อมูลการเจรจาปรับปรุงโครงสร้างหนี้ ข้อมูลประวัติการชำระหนี้กับบริษัท เป็นต้น
  3. ข้อมูลทางการเงินและธนาคาร เช่น ข้อมูลสินทรัพย์และหนี้สิน ข้อมูลจากฐานข้อมูลของกรมบังคับคดี เป็นต้น
  4. ข้อมูลสถานะของบุคคล เช่น ประวัติการศึกษา ประวิการทำงาน อาชีพ โสด หรือสมรส เป็นต้น
  5. ความชื่นชอบของลูกค้า และ ข้อมูลอื่นๆ เช่น การใช้งานเว็บไซต์ เสียง ภาพนิ่ง ภาพเคลื่อนไหว และข้อมูลอื่นใดที่ถือว่าเป็นข้อมูลส่วนบุคคลภายใต้กฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล
ข้อมูลส่วนบุคคลที่อ่อนไหว (Sensitive Data)
ข้อมูลส่วนบุคคลที่อ่อนไหว หมายถึง ข้อมูลส่วนบุคคลที่เป็นเรื่องส่วนตัวโดยแท้ของเจ้าของข้อมูล ได้แก่ ข้อมูลเกี่ยวกับเชื้อชาติ ศาสนา ความคิดเห็นทางการเมือง ประวัติอาชญากรรม ข้อมูลสหภาพแรงงาน ความพิการ ข้อมูลพันธุกรรม หรือ ข้อมูลสุขภาพ ข้อมูลเครดิต ข้อมูลทางชีวภาพเพื่อใช้ในการพิสูจน์หรือตรวจสอบตัวตน (Biometric Information) เช่น ลายพิมพ์นิ้วมือ รูปภาพใบหน้า ข้อมูลสแกนม่านตา ข้อมูลอัตลักษณ์เสียง เป็นต้น โดยบริษัทไม่มีนโยบายจัดเก็บข้อมูลส่วนบุคคลที่อ่อนไหวจากลูกค้า 

4.บริษัทเก็บรวบรวม ใช้ และหรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเพื่อวัตถุประสงค์ใดบ้าง
วัตถุประสงค์และสิทธิที่บริษัทดำเนินการเก็บรวบรวม ใช้ และ/หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้ามีดังต่อไปนี้
  1. การปฏิบัติตามสัญญาระหว่างลูกค้ากับบริษัท เช่น การใช้บริการของลูกค้ากับบริษัท เช่น การปรับปรุงโครงสร้างหนี้ การขอสินเชื่อ การชำระหนี้ เป็นต้น
  2. การทำประกันภัยทรัพย์หลักประกัน การทำประกันชีวิตของลูกค้าโดยยกผลประโยชน์ตามกรมธรรม์ให้แก่บริษัท เป็นต้น
  3. การโอนขายกลุ่มลูกหนี้ให้แก่บุคคลอื่น เช่น การขายกลุ่มลูกหนี้สินเชื่อด้อยคุณภาพให้แก่บริษัทบริหารสินทรัพย์ เป็นต้น
  4. การรับ-ส่งเอกสารติดต่อระหว่างลูกค้ากับบริษัท
  5. การทวงถามให้ลูกค้าชำระหนี้ที่ค้างตามสัญญาสินเชื่อ และสัญญาปรับปรุงโครงสร้างหนี้ที่มีกับบริษัท
  6. การปฏิบัติตามกฎหมาย และการปฏิบัติตามคำสั่งของผู้มีอำนาจตามกฎหมาย เช่น
    • การป้องกันและตรวจจับความผิดปรกติของธุรกรรมที่นำไปสู่กิจกรรมที่ผิดกฎหมาย เช่น การฟอกเงิน การก่อการร้าย หรือการฉ้อโกงประชาชน การรายงานข้อมูลของลูกค้าต่อกรมสรรพากร เป็นต้น
    • การรายงานข้อมูลส่วนบุคคลต่อหน่วยงานราชการ เช่น ธนาคารแห่งประเทศไทย สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินหรือกรมสรรพากรหรือเมื่อได้รับหมายเรียก หมายอายัดจากหน่วยงานราชการหรือศาล เป็นต้น
  7. การดำเนินงานที่จำเป็นภายใต้ประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมายของบริษัท หรือของบุคคลหรือนิติบุคคลอื่น โดยไม่เกินขอบเขตที่ท่านสามารถคาดหมายได้อย่างสมเหตุสมผล (Legitimate Interest) เช่น 
    • การบันทึกเสียงทาง Call Center การบันทึกภาพ CCTV การแลกบัตรก่อนเข้าอาคารหรือบริษัท
    • การรักษาความสัมพันธ์กับลูกค้า เช่น การจัดการข้อร้องเรียน การประเมินความพึงพอใจ การดูแลลูกค้าโดยพนักงานของบริษัท การแจ้งเตือนหรือนำเสนอบริการต่างๆ ประเภทเดียวกันกับที่ท่านมีอยู่กับบริษัทซึ่งเป็นประโยชน์กับท่าน
    • การบริหารความเสี่ยง การกำกับตรวจสอบ การบริหารจัดการภายในองค์กร 
    • การทำให้ข้อมูลส่วนบุคคลเป็นข้อมูลที่ไม่สามารถระบุตัวบุคคลได้ (Anonymous Data)
    • การป้องกัน รับมือ ลดความเสี่ยงที่อาจเกิดการกระทำการทุจริต ภัยคุกคามทางไซเบอร์ การผิดนัดชำระหนี้หรือผิดสัญญา (เช่น ข้อมูลล้มละลาย) การทำผิดกฎหมายต่างๆ (เช่น การฟอกเงิน การสนับสนุนทางการเงินแก่การก่อการร้ายและแพร่ขยายอาวุธที่มีอานุภาพทำลายล้างสูง ความผิดเกี่ยวกับทรัพย์ ชีวิต ร่างกาย เสรีภาพ หรือชื่อเสียง) 
    • การเก็บรวบรวม ใช้ และ/หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของกรรมการ ผู้มีอำนาจกระทำการแทน ตัวแทน ของลูกค้านิติบุคคล
    • การติดต่อ การบันทึกภาพ การบันทึกเสียงเกี่ยวกับการจัดประชุม อบรม สันทนาการ หรือออกบูธ
    •  การเก็บรวบรวม ใช้ และ/หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของบุคคลที่ศาลมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์
    • การรับ-ส่งพัสดุ

    5.บริษัทอาจเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านให้ใครบ้าง

    บริษัทอาจเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านให้แก่ผู้อื่นภายใต้ความยินยอมของท่านหรือภายใต้หลักเกณฑ์ที่กฎหมายอนุญาตให้เปิดเผยได้ โดยบุคคลหรือหน่วยงานที่เป็นผู้รับข้อมูลดังกล่าวจะเก็บรวบรวม ใช้ และ/หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านตามขอบเขตที่ท่านได้ให้ความยินยอมหรือขอบเขตที่เกี่ยวข้องในนโยบายฉบับนี้

    บริษัทอาจเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเพื่อวัตถุประสงค์ต่างๆ เช่น เพื่อการให้บริการแก่ท่าน เพื่อการบริหารกิจการ เพื่อการป้องกันการทุจริต เพื่อการพิสูจน์ตัวตนลูกค้า โดยบริษัทอาจเปิดเผยให้แก่บุคคลหรือหน่วยงานต่างๆ เช่น บริษัทในกลุ่มธุรกิจทางการเงิน ผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล ผู้ให้บริการภายนอก สถาบันการเงิน ผู้สอบบัญชี ผู้ตรวจสอบภายนอก บริษัทจัดอันดับความน่าเชื่อถือ บริษัทบริหารสินทรัพย์ บริษัทข้อมูลเครดิต ผู้มีอำนาจตามกฎหมาย ผู้สนใจจะเข้ารับโอนสิทธิและ/หรือผู้รับโอนสิทธิในธุรกรรม นิติบุคคลหรือบุคคลใดๆ ที่มีความสัมพันธ์หรือมีสัญญาอยู่กับบริษัท ซึ่งรวมตลอดถึง ผู้บริหาร พนักงาน ลูกจ้าง ผู้รับจ้าง ตัวแทน ที่ปรึกษาของบริษัทและของบุคคลหรือหน่วยงานที่เป็นผู้รับข้อมูลดังกล่าว


    6.บริษัทคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของท่านอย่างไร
    บริษัทจะเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไว้เป็นอย่างดีตามมาตรการเชิงเทคนิค (Technical Measure) และมาตรการเชิงบริหารจัดการ (Organizational Measure) เพื่อรักษาความมั่นคงปลอดภัยในการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลที่เหมาะสม และเพื่อป้องกันการละเมิดข้อมูลส่วนบุคคล โดยบริษัทได้กำหนดนโยบาย ระเบียบ และหลักเกณฑ์ในการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล เช่น มาตรฐานความปลอดภัยของระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ และมาตรการเพื่อป้องกันไม่ให้ผู้รับข้อมูลไปจากบริษัท ใช้หรือเปิดเผยข้อมูลนอกวัตถุประสงค์ หรือโดยไม่มีอำนาจหรือโดยไม่ชอบ และบริษัทจะได้มีการปรับปรุงนโยบาย ระเบียบ และหลักเกณฑ์ดังกล่าวเป็นระยะๆ ตามความจำเป็นและเหมาะสม
    นอกจากนี้ ผู้บริหาร พนักงาน ลูกจ้าง ผู้รับจ้าง ตัวแทน ที่ปรึกษา และผู้รับข้อมูลจากบริษัทมีหน้าที่ต้องรักษาความลับข้อมูลส่วนบุคคลตามมาตรการรักษาความลับที่บริษัทกำหนดขึ้น

    7.บริษัทจัดเก็บข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไว้นานเท่าใด
    บริษัทจะเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไว้ตามระยะเวลาที่จำเป็นในระหว่างที่ท่านเป็นลูกค้าหรือมีความสัมพันธ์อยู่กับบริษัท หรือตลอดระยะเวลาที่จำเป็นเพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ที่เกี่ยวข้องในนโยบายฉบับนี้ ซึ่งอาจจำเป็นต้องเก็บรักษาไว้ต่อไป ถึงแม้ว่าท่านไม่ได้เป็นลูกค้าของบริษัทแล้ว หรือยุติความสัมพันธ์กับบริษัทไปแล้ว บริษัทจะจัดเก็บข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้าสำรองไว้ตามที่กฎหมายกำหนดและตามนโยบาย เช่น จัดเก็บไว้ตามกฎหมายว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน จัดเก็บไว้เพื่อวัตถุประสงค์ในการพิสูจน์ตรวจสอบกรณีอาจเกิดข้อพิพาทภายในอายุความตามที่กฎหมายกำหนดเป็นระยะเวลาไม่เกิน 10 ปี เป็นต้น

    8.สิทธิของท่านเกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคลมีอะไรบ้าง
    บริษัทคำนึงถึงสิทธิส่วนบุคคลของท่าน ซึ่งสิทธิของท่านในข้อนี้เป็นสิทธิตาม พรบ.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลพ.ศ.2562 โดยท่านสามารถขอใช้สิทธิต่างๆ ได้ภายใต้ข้อกำหนดของกฎหมาย และนโยบายที่กำหนดไว้ในขณะนี้หรือที่จะมีการแก้ไขเพิ่มเติมในอนาคต ตลอดจนหลักเกณฑ์ตามที่บริษัทกำหนดขึ้น และในกรณีท่านถูกจำกัดความสามารถในการทำนิติกรรมตามกฎหมาย ท่านสามารถขอใช้สิทธิโดยให้ มีผู้อำนาจกระทำการแทนเป็นผู้แจ้งความประสงค์ สิทธิที่ควรทราบ
    • สิทธิขอเพิกถอนความยินยอม 

      หากท่านได้ให้ความยินยอมให้บริษัทเก็บรวบรวม ใช้ และ/หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน  ท่านมี สิทธิที่จะถอนความยินยอมเมื่อใดก็ได้ตลอดระยะเวลาที่ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านอยู่กับบริษัท เว้นแต่มีข้อจำกัดสิทธินั้นโดยกฎหมายหรือมีสัญญาที่ให้ประโยชน์แก่ท่านอยู่ เช่น ท่านยังมีการใช้ผลิตภัณฑ์/บริการจากบริษัท หรือท่านยังมีภาระหนี้/ภาระผูกพันอยู่กับบริษัทเป็นต้น

    • สิทธิขอเข้าถึงข้อมูล

      ท่านมีสิทธิขอทราบและขอรับสำเนาข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน ซึ่งอยู่ในความรับผิดชอบของบริษัท หรือขอให้บริษัท ทำสำเนาข้อมูลดังกล่าวให้แก่ท่าน รวมถึงขอให้บริษัทเปิดเผยว่าบริษัทได้ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านมาได้อย่างไร

    • สิทธิขอถ่ายโอนข้อมูล

      ท่านมีสิทธิขอรับข้อมูลส่วนบุคคลของท่านในกรณีที่บริษัทได้จัดทำข้อมูลส่วนบุคคลนั้นอยู่ในรูปแบบให้สามารถอ่านหรือใช้งานได้ด้วยเครื่องมือหรืออุปกรณ์ที่ทำงานได้โดยอัตโนมัติ และสามารถใช้หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลได้ด้วยวิธีการอัตโนมัติ รวมทั้งมีสิทธิขอให้บริษัทส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลในรูปแบบดังกล่าวไปยังผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลอื่นเมื่อสามารถทำได้ด้วยวิธีการอัตโนมัติ และมีสิทธิขอรับข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัทส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลในรูปแบบดังกล่าวไปยังผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลอื่นโดยตรง เว้นแต่สภาพทางเทคนิคไม่สามารถทำได้   ทั้งนี้ ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านข้างต้นต้องเป็นข้อมูลส่วนบุคคลที่ท่านได้ให้ความยินยอมแก่บริษัทในการเก็บรวบรวม ใช้ และ/หรือเปิดเผย หรือเป็นข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัท จำเป็นต้องเก็บรวบรวม ใช้ และ/หรือเปิดเผยเพื่อให้ท่านสามารถใช้ผลิตภัณฑ์และ/หรือบริการของบริษัท ได้ตามความประสงค์ซึ่งท่านเป็นคู่สัญญาอยู่กับบริษัท 

    • สิทธิคัดค้านการเก็บรวบรวม ใช้ และ/หรือเปิดเผยข้อมูล

      ท่านมีสิทธิคัดค้านการเก็บรวบรวม ใช้ และ/หรือเปิดเผยข้อมูลที่เกี่ยวกับท่าน ในกรณีดังนี้

      1. กรณีที่เป็นข้อมูลที่เก็บรวบรวมได้ด้วยเหตุจำเป็นเพื่อการดำเนินภารกิจเพื่อประโยชน์สาธารณะของบริษัท หรือเหตุจำเป็นเพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมายของบริษัท หรือของบุคคลหรือนิติบุคคลอื่น โดยไม่เกินขอบเขตที่ท่านสามารถคาดหมายได้อย่างสมเหตุสมผล หรือเพื่อดำเนินการตามภารกิจเพื่อสาธารณประโยชน์ หากท่านยื่นคัดค้าน บริษัทจะยังคงดำเนินการเก็บรวบรวม ใช้ และ/หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านต่อไปเฉพาะที่บริษัทสามารถแสดงเหตุผลตามกฎหมายได้ว่ามีความสำคัญยิ่งกว่าสิทธิขั้นพื้นฐานของท่าน หรือเป็นไปเพื่อการยืนยันสิทธิตามกฎหมาย การปฏิบัติตามกฎหมาย หรือการต่อสู้ในการฟ้องร้องตามกฎหมาย ตามแต่ละกรณี
      2.     กรณีที่เป็นการเก็บรวบรวม ใช้ และ/หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลเพื่อวัตถุประสงค์เกี่ยวกับการตลาดแบบตรง
      3.  กรณีที่เป็นการเก็บรวบรวม ใช้ และ/หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลเพื่อวัตถุประสงค์เกี่ยวกับการศึกษาวิจัยทางวิทยาศาสตร์ ประวัติศาสตร์ หรือสถิติเว้นแต่การจำเป็นเพื่อการดำเนินภารกิจเพื่อประโยชน์สาธารณะของบริษัท

    • สิทธิขอให้ลบหรือทำลายข้อมูล

      ท่านมีสิทธิขอให้บริษัทลบหรือทำลาย หรือทำให้ข้อมูลส่วนบุคคลเป็นข้อมูลที่ไม่สามารถระบุตัวบุคคลว่าเป็นท่านได้ ในกรณีดังนี้
      1. หากท่านเชื่อว่าข้อมูลส่วนบุคคลของท่านถูกเก็บรวบรวม ใช้ และ/หรือเปิดเผยโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย
      2. เมื่อข้อมูลส่วนบุคคลหมดความจำเป็นในการเก็บรักษาไว้ตามวัตถุประสงค์ในการเก็บรวบรวม ใช้และ/หรือเปิดเผย
      3. เมื่อเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลถอนความยินยอมในการเก็บรวบรวม ใช้ และ/หรือเปิดเผย และบริษัทไม่มีอำนาจตามกฎหมายที่จะเก็บรวบรวม ใช้ และ/หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลอีกต่อไป

    • สิทธิขอให้ระงับการใช้ข้อมูลส่วนบุคคล

      ท่านมีสิทธิขอให้ระงับการใช้ข้อมูลส่วนบุคคลชั่วคราวในกรณีที่บริษัท อยู่ระหว่างตรวจสอบตามคำร้องขอใช้สิทธิขอแก้ไขข้อมูลส่วนบุคคลหรือขอคัดค้านของท่าน หรือกรณีอื่นใดที่บริษัทหมดความจำเป็นและต้องลบหรือทำลายข้อมูลส่วนบุคคลของท่านตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง แต่ท่านขอให้บริษัทระงับการใช้แทน

    • สิทธิขอแก้ไขข้อมูล

      ท่านมีสิทธิขอให้บริษัท ดำเนินการแก้ไขเพื่อให้ข้อมูลถูกต้อง เป็นปัจจุบัน สมบูรณ์และไม่ก่อให้เกิดความเข้าใจผิด

    • สิทธิร้องเรียน 

      ท่านมีสิทธิร้องเรียนต่อผู้มีอำนาจตามกฎหมาย ในกรณีที่บริษัทหรือผู้ประมวลผลข้อมูลรวมทั้งลูกจ้างหรือผู้รับจ้างของบริษัท หรือผู้ประมวลผลฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลรวมถึงกฎกระทรวงหรือประกาศที่ออกตามกฎหมายดังกล่าว

    การใช้สิทธิของท่านดังกล่าวข้างต้นอาจถูกจำกัดภายใต้กฎหมายที่เกี่ยวข้อง และมีบางกรณีที่มีเหตุจำเป็นที่บริษัทอาจปฏิเสธหรือไม่สามารถดำเนินการตามคำขอใช้สิทธิข้างต้นของท่านได้ เช่น ต้องปฏิบัติตามกฎหมายหรือคำสั่งศาล เพื่อประโยชน์สาธารณะ การใช้สิทธิอาจละเมิดสิทธิหรือเสรีภาพของบุคคลอื่น เป็นต้น หากบริษัทปฏิเสธ คำขอข้างต้น บริษัทจะแจ้งเหตุผลของการปฏิเสธให้ท่านทราบด้วย

    9.ท่านจะติดต่อบริษัท และเจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลได้อย่างไร

    หากท่านมีข้อเสนอแนะ หรือต้องการสอบถามข้อมูลเกี่ยวกับรายละเอียดการเก็บรวบรวม ใช้ และ/หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน รวมถึงการขอใช้สิทธิตามนโยบายฉบับนี้ ท่านสามารถติดต่อบริษัท และหรือเจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ผ่านช่องทางดังนี้

    •  เจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล อีเมล account2@capitalsure-amc.com 
    • โทร.063-1964005
    • สถานที่ติดต่อ : บริษัท บริหารสินทรัพย์แคปปิตอลชัวร์ จำกัด  8 อาคารทีวัน ชั้น 16 ซอยสุขุมวิท 40  แขวงพระโขนง เขตคลองเตย กรุงเทพมหานคร 10110

    นโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลCPSAMC.pdf